วิตามินดี แสงแดด และอาการซึมเศร้า
เราทุกคนล้วนเคยมีอาการเบื่อหน่ายและซึมเศร้าในบางช่วงเวลาของชีวิตกันทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในสังคมปัจจุบันซึ่งผู้คนมีแต่ความเร่งรีบและสนใจหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องการทํามาหากินของตนเอง ทําให้คน มีอาการซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น ผู้ที่ทราบสาเหตุของการเกิดภาวะซึมเศร้าของตนเองอาจหาวิธีบรรเทาอาการ ดังกล่าวได้ แต่หลายคนก็ไม่สามารถทําได้
วิธีรักษาอาการซึมเศร้ามีหลายวิธี เช่น วิธีจิตบําบัด โดยการพบแพทย์หรือนักจิตบําบัด การใช้ยา ต้านอาการซึมเศร้าแต่ปัญหาที่มักจะพบ คือคนไข้ส่วนใหญ่มักไม่รับประทานยาหรือพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง ทําให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร การเปลี่ยนแปลงการดําเนินชีวิตประจําวันจากการที่อยู่คนเดียวเป็น ส่วนใหญ่ หันมาสนุกสนานรื่นเริงกับญาติสนิทมิตรสหาย การออกกําลังกายอย่างสม่าเสมอโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งการออกกําลังกายกลางแจ้ง ก็สามารถคลายภาวะซึมเศร้าได้ บางท่านอาจยังไม่ทราบว่าวิตามินดีจาก แสงแดดเป็นยาต้านอาการซึมเศร้าได้
จากการศึกษาวิจัย พบความสัมพันธ์อย่างมีนัยสําคัญระหว่างระดับวิตามินดี (วัดจากระดับ 25- hydroxy vitamin D3 ในที่นี้จะเรียกสั้นๆ ว่า วิตามินดี) ในกระแสเลือดกับภาวะซีมเศร้า โดยผู้ที่มีระดับ วิตามินดีต่าจะแสดงอาการของโรคซึมเศร้ามากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มคนที่มีสุขภาพปกติ ความรุนแรงของอาการจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อวิตามินดีมีระดับต่ำลงมาก กลไกที่ทําให้วิตามินดีมีความเกี่ยวข้องกับ อาการซึมเศร้ายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าสมองส่วน hypothalamus มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะซึมเศร้า โดยผ่านกลไกของ vitamin D receptor ในร่างกายของมนุษย์จะพบ vitamin D receptor มากในส่วน hypothalamus ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทํางานของต่อมไร้ท่อที่ถูกควบคุม โดยระบบประสาท (neuroendocrine system)
วิตามินดีกระตุ้นเอนไซม์ที่ใช้ในการสังเคราะห์สารสื่อประสาท (neurotransmitter) จําพวก monoamines เช่น serotonin dopamine และ norepinephrine ซึ่งสารสื่อประสาทเหล่านี้มีผลช่วยลด ความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้ นอกจากนี้วิตามินดียังมีบทบาทสําคัญต่อการพัฒนาของสมองและเซลล์ ประสาท และมีความเกี่ยวข้องกับอาการทางจิตประสาทอื่นๆ เช่น ความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดจากการ เปลี่ยนแปลงของฤดูกาล(seasonal affective disorder หรือ SAD) โรคจิตเภท (Schizophrenia) เป็นต้น
วิตามินดีในร่างกาย ปกติจะมีระดับสูงกว่า 30 ng/mL ถ้าต่ำกว่า 20 ng/mL จัดอยู่ในภาวะขาด วิตามินดี กลุ่มคนที่มักขาดวิตามินดีได้แก่ ผู้สูงอายุ คนอ้วน ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่นโรคเบาหวาน กลุ่มคนทํางานที่ชีวิตประจําวันส่วนใหญ่อยู่แต่ในที่ทํางาน กลุ่มคนดังกล่าวจะมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า มากกว่าคนทั่วไป
เซลล์ผิวหนังของร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้จาก cholesterol โดยมีรังสียูวีบี (ultraviolet B) จากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้น จากการศึกษาพบว่า การออกกําลังกายกลางแจ้งในที่ที่มีแสงแดดจะช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ดีกว่าการออกกําลังกายในที่ร่มอย่างมีนัยสําคัญ การป้องกันการขาดวิตามินดีทําได้ ง่าย ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลง lifestyle จากการอยู่แต่ในบ้านหรือที่ทํางาน ควรออกมาสัมผัสแสงแดดบ้าง โดยเฉพาะแสงแดดตอนเช้า การรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีนหอยนางรม ไข่และ นมที่มีการเติมวิตามินดี อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยบางรายหรือผู้ที่ได้รับแสงแดด และอาหารอุดมด้วยวิตามินดีแล้ว ก็ยังไม่สามารถทําให้ระดับวิตามินดีในร่างกายอยู่ในระดับปกติได้ การ รับประทานอาหารเสริมที่มีวิตามินดีอาจเป็นสิ่งจําเป็น
ประโยชน์ของวิตามินดี นอกจากจะมีหน้าที่ ช่วยการดูดซึมของแคลเซียม ทําให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกพรุน(osteoporosis) แล้ว วิตามินดียังช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอด เลือดหัวใจ พบว่าผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ากว่า 15 ng/mL จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า วิตามินดีช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็ง ลําไส้ใหญ่มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้ที่ขาดวิตามินดีมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าคนทั่วไป วิตามินดีช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอจึงช่วยให้ผิวพรรณดี ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและ ทนทานของกล้ามเนื้อ
ประเทศไทยของเราโชคดีที่มีแสงแดดเกือบตลอดทั้งปี คนไทยจึงไม่น่าจะอยู่ในภาวะขาดวิตามินดี แต่เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่มีผิวคล้า ทําให้ผิวหนังได้รับแสงยูวีน้อย อีกทั้งค่านิยมที่ไม่ถูกต้องที่ว่า คนสวยต้องมีผิวขาวเท่านั้น ทําให้คนไทยกลัวแดด ชอบหลบแดด ซึ่งต่างจากคนในประเทศที่มีอากาศหนาว ที่เมื่อเห็นแสงแดดเมื่อไร ต้องรีบออกมานั่งหรือนอนกลางแดด การกลัวว่าถ้าอยู่ท่ามกลางแสงแดดนาน ๆ จะทําให้เป็นมะเร็งผิวหนัง จึงนิยมกางร่ม ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ เหล่านี้มีผลทําให้ได้รับวิตามินดี ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย การลดภาวะซึมเศร้าทําได้โดยไม่ต้องพึ่งยา เพียงแค่เดินออกจากบ้านมารับแสงแดด ถ้ากลัวผิว เสีย การรับแสงแดดยามเช้าช่วงก่อน 9.00 น. หรือตอนช่วงเย็นหลัง 16.00 น. แสงแดดจะไม่ร้อนมากนัก นอกจากจะทําให้ร่างกายได้รับวิตามินดีแล้ว แสงแดดยามเช้ายังช่วยให้อารมณ์สดชื่นแจ่มใสได้ แม้ในผู้ที่ไม่ได้มีอาการซึมเศร้า
ที่มา: